1. ลักษณะของงานไฮเปอร์มีเดีย
ไฮเปอร์มีเดีย
(สื่อหลายมิติ)เป็นการใช้คอมพิวเตอร์นำเสนอข้อมูลหรือเนื้อหาความรู้ต่างๆ
ทั้งในรูปของ ข้อความ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
โดยผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงไปมาระหว่างส่วนต่างๆของบทเรียนได้อย่างรวดเร็วตามต้องการ
ไฮเปอร์มีเดีย เป็นการขยายแนวความคิดมาจาก ไฮเปอร์เทกซ์
อันเป็นผลมาจากพัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
ที่สามารถประสมประสานสื่อหรืออุปกรณ์หลายอย่าง
2. ข้อมูลประเภทไฮเปอร์มีเดีย
ไฮเปอร์มีเดีย
สามารถใช้สำหรับจุดประสงค์ที่แตกต่างกันที่สำคัญ 3 ประการคือ
1. การสืบค้น (Browsing)
ใช้เป็นเครื่องมือในการค้นหาหรือสืบไปในข้อมูลสารสนเทศหรือบทเรียนต่างๆ
โดยผู้ใช้การสำรวจเลือกเส้นทางวิธีการขั้นตอนการเรียนรู้ 8มความพอใจหรือตามแบบการเรียนของไฮเปอร์มีเดียกำหนดไว้
2. การเชื่อมโยง (Linking)
ผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงไปยังแฟ้มข้อมูลต่างๆ ภายในระบบเดียวกัน
ตลอดจน การเชื่อมต่อไปยัง เครือข่ายภายนอก เช่นการเชื่อมต่อเข้ากับอินทราเน็ต (Intranet)
อินเตอร์เน็ต
3.สร้างบทเรียน (Authoring)
หรือสร้างโปรแกรมการนำเสนอรายงานสารสนเทศต่างๆ
ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมที่มีลักษณะ พิเศษ น่าสนใจเนื่องจากสามารถแสดงให้เห็นทั้งข้อความ
รูปภาพ เสียง และการเคลื่อนไหว
3. ลักษณะของโปรแกรมประยุกต์ที่ใช้ในงานไฮเปอร์มีเดีย
โปรแกรมสำหรับสร้างงานไฮเปอร์มีเดีย (Hypermedia Authoring)โปรแกรม Asymetrix
Toolbook II เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศสามารถใช้ภาพ
เสียง ตัวอักษร และการเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์
มีโปรแกรมบันทึกและตัดต่อเสียงให้มาพร้อมกับโปรแกรมหลัก
เหมาะสำหรับการสร้างงานแบบไฮเปอร์มีเดีย เช่น บทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
หรือการนำเสนอสารสนทเศต่างๆ ตั้งแต่ระดับง่ายๆ ไปจนถึงงานที่ซับซ้อน
แนวคิดพื้นฐานของ Toolbook
4. การทดลองใช้โปรแกรมสร้างงานไฮเปอร์มีเดียเช่น
ToolBook, Macromedia, Director, Macromedia Authoware อย่างน้อย
1 โปรแกรม
โปรแกรมศึกษามาคือโปรแกรมขั้นตอนในการสร้างสื่อมัลติมีเดียในการสร้างสื่อมัลติมีเดีย
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบทเรียนรูปแบบใด จะเริ่มต้นด้วยการกำหนดหัวหัวเรื่อง, เป้าหมาย, วัตถุประสงค์
และกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ จากนั้นก็ทำการ วิเคราะห์ (Analysis), ออกแบบ (Design), พัฒนา (Development), สร้าง (Implementation), ประเมินผล (Evaluation)
และนำออกเผยแพร่ (Publication) ซึ่งการสร้างสื่อมัลติมีเดีย
ที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า การจัดทำสื่อมัลติมีเดีย นี้เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ
ซึ่งหมายความว่าใครๆ ที่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ก็สามารถจะสร้างสื่อมัลติมีเดียได้
ในที่นี้จะกำหนดขั้นตอนการสร้างสื่อมัลติมีเดียโดยละเอียด ทั้งหมด 7 ขั้นตอน เพื่อสะดวกกับผู้เริ่มต้นที่สนใจในการสร้างสื่อมัลติมีเดีย
ดังนี้
1. ขั้นการเตรียม (Preparation)
- กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์
(Determine Goals and Objectives) คือการตั้งเป้าหมายว่าผู้เรียนจะสามารถใช้บทเรียนนี้เพื่อศึกษาในเรื่องใดและลักษณะใด
กล่าวคือ เป็นบทเรียนหลักเป็นบทเรียนเสริม เป็นแบบฝึกหัดเพิ่มเติมหรือแบบทดสอบรวมทั้งการนำเสนอเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการเรียน
- รวบรวมข้อมูล (Collect
Resources) หมายถึง การเตรียมพร้อมทางด้านของเอกสารสนเทศ (Information)ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
- เนื้อหา (Meterials)
ได้แก่ ตำรา หนังสือ เอกสารทางวิชาการ หนังสืออ้างอิง สไลด์ภาพต่างๆแบบสร้างสถานการณ์จำลอง
เพื่อใช้สำหรับการเรียนรู้ หรือทดลองจากสภาพการณ์จำลองจากสถานการณ์จริง
- การพัฒนาและออกแบบบทเรียน
(Instructional Development) คือ หนังสือการออกแบบบทเรียน
กระดาษวาดสตอรี่บอร์ด สื่อสำหรับการทำกราฟิก โปรแกรมประมวลผลคำ
- สื่อในการนำเสนอบทเรียน
(Instructional Development System) ได้แก่
การนำเอาคอมพิวเตอร์สื่อต่างๆ มาใช้งาน
- เรียนรู้เนื้อหา (Learn
Content) เช่น การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ
การอ่านหนังสือหรือเอกสาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเนื้อหาบทเรียน
ถ้าไม่มีการเรียนรู้เนื้อหาเสียก่อนก็ไม่สามารถออกแบบบทเรียนที่มีประสิทธิภาพได้
- สร้างความคิด (Generate
Ideas) คือ การระดมสมองนั่นเอง
การระดมสมองหมายถึงการกระตุ้นให้เกิดการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้ได้ข้อคิดเห็นต่างๆ
เป็นจำนวนมาก
2. ขั้นตอนการออกแบบบทเรียน
(Design Instruction)
ขั้นตอนการออกแบบบทเรียนเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดขั้นหนึ่งในการกำหนดว่าบทเรียนจะออกมามีลักษณะใด
- ทอนความคิด (Elimination
of Ideas)
- วิเคราะห์งานและแนวความคิด
(Task and Concept Analysis)
- ออกแบบบทเรียนขั้นแรก
(Preliminary Lesson Description)
-ประเมินและแก้ไขการออกแบบ
(Evaluation and Revision of the Design)
3. ขั้นตอนการเขียนผังงาน
(Flowchart Lesson)
เป็นการนำเสนอลำดับขั้นโครงสร้างขอคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ผังงานทำหน้าที่เสนอข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรม เช่น
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนตอบคำถามผิด หรือเมื่อไหร่จะมีการจบบทเรียน
และการเขียนผังงานขึ้นอยู่กับประเภทของบทเรียนด้วย
4. ขั้นตอนการสร้างสตอรี่บอร์ด
(Create Storyboard)
เป็นขั้นตอนการเตรียมการนำเสนอข้อความ
ภาพ รวมทั้งสื่อในรูปแบบมัลติมีเดียต่างๆ
ลงบนกระดาษเพื่อให้การนำเสนอข้อความและรูปแบบต่างๆ
เหล่านี้เป็นไปอย่างเหมาะสมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไป
5. ขั้นตอนการสร้างและการเขียนโปรแกรม
(Program Lesson)
เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลสตอรีบอร์ดให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ส่วนนี้จะต้องคำนึงถึงฮาร์ดแวร์ ลักษณะและประเภทของบทเรียนที่ต้องการสร้าง
โปรแกรมเมอร์และงบประมาณ
6. ขั้นตอนการประกอบเอกสารประกอบบทเรียน
(Produce Supporting Materials)
เอกสารประกอบบทเรียนอาจแบ่งออกได้เป็น
4 ประเภท คือ
คู่มือการใช้ของผู้เรียนคู่มือการใช้ของผู้สอน
คู่มือสำหรับแก้ปัญหาเทคนิคต่างๆและเอกสารประกอบเพิ่มเติมทั่วๆไป
ผู้เรียนและผู้สอนย่อมมีความต้องการแตกต่างกัน คู่มือจึงไม่เหมือนกัน
คู่มือการแก้ปัญหาก็จำเป็นหากการติตตั้งมีความสลับซับซ้อนมาก
7. ขั้นตอนการประเมินผลและแก้ไขบทเรียน
(Evaluate and Revise)
บทเรียนและเอกสารประกอบทั้งหมดควรที่จะได้รับการประเมินโดยเฉพาะการประเมินการทำงานของบทเรียน
ในส่วนของการนำเสนอนั้นควรจะทำการประเมินก็ คือ
ผู้ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบมาก่อนในการประเมินการทำงานของบทเรียนนั้นผู้ออกแบบควรที่จะสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนหลังจากที่ได้ทำการเรียนจากคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นๆ
แล้ว โดยผู้ที่เรียนจะต้องมาจากผู้เรียนในกลุ่มเป้าหมาย
สื่อมัลติมีเดียเพื่อการนำเสนอ
การนำเสนอ
หรือเรียกตามศัพท์ภาษาอังกฤษว่าการพรีเซ้นท์ (Presentation) เป็นการบรรยาย
หรือนำเสนอข้อมูลให้แก่ผู้ฟังโดยอาจมีอุปกรณ์ประกอบการบรรยายหรือไม่ก็ได้
อดีตการเตรียมงานนำเสนอแต่สักชิ้นต้องเตรียมตัวกันมากพอสมควร ตัวอย่างง่ายๆ ได้แก่
การบรรยายหน้าชั้นเรียนของอาจารย์ผู้สอน
การเตรียมอุปกรณ์สำหรับการนำเสนอค่อนข้างยุ่งยาก เริ่มจากการเตรียมเนื้อหา
นำภาพมาประกอบ นำข้อมูลที่มีเขียนลงบนแผ่นสไลด์